SET ดูไม่ดีเลยหลังจากขึ้นมาให้ใจชื้นตั้งแต่ต้นปี ....ตบเดือนเดียว อะไรๆก็ดูแย่ไปหมด ยังอยู่ในช่วง Sideway ถ้ามี New Low ก็คงรอกันยาวๆ RSI ลงมาเลี้ยงล่างถ้าไม่ตัด 50 ขึ้นมาก็มีแนวโน้มลงมากกว่าขึ้น อันที่จริง SET เราก็ขึ้นมา Trade กันที่ PE สูงมากๆแล้ว ขนาดใน TV ยังหยิบเรื่องนี้มาพูดเลย (อันที่จริงก็มีคนพูดมาตั้งแต่ต้นปีเลยนะ)
ref: https://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
อันนี้เป็นสถิติ PE รายเดือนตั้งแต่ 2518 ถึง ปัจจุบัน ค่าเฉลี่ย PE อยู่ที่ประมาณ 18 (เส้นสีเขียว) และเส้นสีเหลือคือ +- 1SD และเส้นสีส้มคือ +- 2SD SET เราเคย trade กันเกิน 2SD อยู่แค่ 3 ครั้งในประวัติศาสตร์ เด่นๆก็ตอนสงคราม วิกฤตต้มยำกุ้ง และ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ตอนนั้นภาคธุรกิจจริงก็แต่งตั้งชื่อให้ได้จำกัน แต่วันนี้มันถึงขั้นนั้นหรือยัง? จะมีชื่อให้มันเร็วๆนี้มัน ถ้ามันลงยาวๆ ดูแนวโน้มแบบนี้แล้ว Upside มันช่าง Limit อย่างยิ่ง มีอยู่ 2 ทางเท่านั้นที่ SET เราจะได้ไปต่อกัน คือ
1) เศรษฐกิจจะต้องมี Earning ที่วิ่งตามดัชนีให้ทัน --> ก็ต้องลองคิดดูว่าอนาคตบริษัทไทยเราทั้ง 700 ตัว จะดัน Earning เพื่อกด PE เราให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้รึเปล่า
2) สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ไปเลย ทุกคนพร้อมใจกัน Trade ที่มากกว่า PE+2SD เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเงินเฟ้อล้นโลก --> ถ้าพึ่ง FundFlow เราก็ไม่ต้องสนใจ PE ในอดีตมากนัก เอาแค่เทียบกับประเทศรอบข้างเรา แล้วเราเนื้อหอมกว่าก็พอ ยังไงเงินก็ไม่มีวันหยุดอยู่กับที่
Leading system ไฟแดง แผนคือ Limit Exposure ไม่เกิน 30% + งด Pyramid
จริงๆค่า Maximum ของ Exposure 30% มันมาอย่างนี้ครับ ตอนปกติระบบที่ Backtest มาช่วงขาลงยังไงก็ขาดทุนมากกว่าได้ แล้ว Drawdown มันมักลึกขึ้นเรื่อยๆในขาลง จนมาสุดที่ค่าๆหนึ่งซึ่งก็จะกลายเป็น Maximum DD ในช่วงเวลานั้น แต่ปัญหาคือเราไม่มีวันรู้ว่ามันจะไปหยุดเมื่อไหร่ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ และผมไม่เอาอีกแล้ว Fully System แต่ก็ไม่อยากหยุด System ไปเลยเสียทีเดียว ผมก็สมมติไปเลยถ้าหากเรา run system เสมือนว่ามันเหลือเงินแค่ 30% ของ Port และซื้อขาย 30% ของ Position ที่ควรซื้อ ทีนี้สถิติ"จำนวน"กำไร/ขาดทุนใน Port จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่"ขนาด"กำไร/ขาดทุน น้อยลง ก็น่าจะทำให้ DD ไม่ลึกเท่า Fully System
==> ถ้าเทียบกับไพ่โปกเกอร์(Poker) คือ ในเมื่อหน้าไพ่เรารู้อยู่แล้วว่า Risk ไม่คุ้ม Reward ที่จะเสี่ยง มีทางเลือกที่ฉลาดในการ Bet ครั้งนี้ก็คือ ไม่หมอบไพ่ไปเลย(หยุดเล่น) ก็ Bet ให้มันน้อยลง ทีนี้เราจะเลือกอะไรก็แล้วแต่คนจะเสี่ยงครับ ในเกม Poker ก็ต้องเสี่ยงเหมือนกัน เพราะความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในเกมนี้คือ "อนาคต" เราไม่รู้ว่าอนาคตไพ่ที่หมอบอยู่มันเข้าข้างเราหรือไม่ ในกรณีของผมก็แค่เสี่ยงเท่าที่เราจะได้ดูไพ่ใบต่อไป แต่ก็ bet ให้น้อย เพื่อที่เราพลาดจะได้มีสิทธิ์เริ่มจั่วไพ่กันใหม่ในรอบหน้า ดีกว่าลุกออกจากโต๊ะเป็นไหนๆ
Port YTD 17.31%
SET YTD 15.15%
ช่วงนี้ exposure ราวๆ 20% ไม่มีหุ้น winning เลย ทุกตัว คิดว่าคงรอให้ผ่านพ้นช่วงที่ลำบากนี้ไปก่อน ค่อยคิดกันอีกรอบ สรุปแล้ว 2 ปียังไม่กลับไปจุดสูงสุดเดิมเลย แค่ YTD พอไปวัดไปวาได้เฉยๆ แต่ Equity ตั้งแต่ตน MaxDD ตั้งเกือบ 40% จะเอากลับมาได้ก็ต้องทำกำไร 67% เพื่อกลับมาเท่าทุน ตอนนี้ยัง DD ~10% ต้องทำอีก ~10 % ทรงแบบนี้ก็น่าจะปีหน้า Drawdown period 3 ปี!
ปล. ยังไม่ได้เปิดดู Robot แต่น่าจะคล้ายๆกัน ไว้สิ้นปีค่อยดู ไม่อยากกวน
Momentum
ไม่มีตัวไหนอยู่ในสายตาเลย ต้องไปขุดกันดู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น