วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Discretionary trader

 บันทึกหุ้น ว่าจะเริ่มเขียนนานแล้ว แต่อู้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เริ่มสักที ก็ต้องเตรียมข้อมูลก่อนนิดหน่อย(แต่น๊านนาน...... > <) 
ก่อนอื่่นต้องขอบคุณท่านอาจาร์ยบ๊วย เพื่อนที่แนะนำให้เริ่มต้นลงทุนสายนี้ก่อน ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยทีเดียว idol คนนี้เลย  => ( http://bavorn.blogspot.com )   ถึงจะ trade ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว แต่ก็สายเดียวกันมาตลอด   

เกริ่นก่อน 
เริ่มลงทุนปี 2011 หันมาใช้ system ปี 2012 ตลาดขาขึ้น ตัวเรามองเห็นแต่ตัวเรา ซื้ออะไรก็กำไร ระบบมันเทพ แต่หาได้ตาสว่างไม่ ตอนนั้นมันแค่มือใหม่เบาปัญญา แย่ที่สุดคือดูหุ้นมากกว่าเรียนหนังสือ คิดเอาเองคนเดียวเหมือนกบในกะลา run ระบบ 4-5 ระบบพร้อมกันด้วยความโลภ 
ปัญหาเกิดขึ้นตอน ปี 2013 ที่หุ้นไปแตะ 1600 จุด แล้วดิ่งลง นับเป็น crisis แรก กำไรเคยได้มาก็ละลายไปกับตลาด system ขาดทุนทั้งหมด บางอย่างก็กินเงินต้นไปเยอะ แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีเงินเหลืออยู่  เลยอ่านหนังสือมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตำราต่างประเทศ พยายามหาคำตอบ จนกระทั่งค้นพบว่าจริงๆ การใช้ระบบมันไม่ใช่เปิด bot เก็บ level แบบ Ragnarok ไม่ใช่สิ่งพิเศษอะไรเลย มันคือการคิดอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่การ"เล่น"ระบบ 

ไม่ตาม system 100% ? 
systematic trade ก็คือ ป้อนข้อมูล(Data) => เข้าระบบค้นหาภายใต้ criteria แบบแผนชุดหนึ่ง => แปลผลเป็นข้อมูลใหม่ จาก ข้อมูลตั้งต้น => เพื่อนำข้อมูลใหม่มา take action 
กระบวนการทั้งหมด หากใช้ computer เป็นตัวประมวลผลทั้งหมดรวมไปถึงการ action เพื่อซื้อ-ขาย มันก็จะกลายเป็น systematic trade
เพียงแต่เราพบว่า(ประสบการณ์หยิบมือเท่าเม็ดทราย ขออภัยหากข้อมูลผิดพลาด) 
1) เราขาดแคลน Data บางอย่าง อาทิ ข้อมูลพื้นฐานเชิงปริมาณที่ครบถ้วน   (ทางแก้ = ซื้อ Data ราคาสูง)
2) ความโง่เขลาของเรา ที่ไม่สามารถสร้าง criteria บางอย่างเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ได้   (ทางแก้ = ศึกษาให้มากขึ้น ก็พยายามอยู่ เราเรียนรู้ช้า)
3) ความ Dynamic ของตลาดหลักทรัพทย์ แปลผลไม่ได้ เนื่องจากมันคือแหล่งรวมของ Reality(ความจริงบริสุทธิ์) VS Expectation(ความคาดหวังของมนุษย์) ยากแท้หยั่งถึง  ระบบที่ทำกำไรได้ดี ของเรา ณ ตอนนี้คือ "ระบบที่สามารถหนีออกจากตลาดได้" ไม่ใช่ "ระบบที่เผชิญหน้ากับตลาดได้" 
เรายังไม่พบทางแก้ไข้ที่แท้จริง เราจึงยังใช้ระบบ เดินภายใต้แบบแผนที่วางไว้ => แต่เราจะเป็นคนเข้าไปแทรกในกระบวนการนำข้อมูลใหม่เพื่อ take action 
เป็นที่มาของ Discretionary trader

จุดประสงค์ของการเขียน Diary(or weekly ไม่ว่างอ่า) : เพื่อบันทึก Bad trade => วิเคราะห์ ค้นหา แก้ไข ทดสอบ, ความผิดพลาดของเรา ,ข้อดีของสมองมนุษย์/สมองเรา = =(หรือข้อเสีย) VS robot, แบ่งปันความรู้(ไม่เยอะหรอก)ทั้งที่อ่านเองก็ดี วิจัยเองก็ดี ถูกผิดก็ขออภัย

Concept

1 ) Main System Type : Breakout Trend following  (base on Technical)
กฎการ entry ไม่มีอะไรซับซ้อน break-high ก็ซื้อ มีอาจาร์ยหลายท่านได้เขียนหนังสือไว้มากมาย ไม่กล้าพอจะคิดเป็นของตนเอง หนังสือแนะนำสักเล่มก็คงเป็น(เช่นเดียวกับบ๊วยแนะนำ) "Way of the Turtle" ของ Curtis M. Faith
กฎการ exit ก็เป็น trailing stop (มีหลายรูปแบบเช่น ใช้ ATR ,ราคาต่ำสุดวันก่อนหน้า, moving avg, Band ต่าง ๆ ,ฯลฯ )

2 ) Market Breath : "ทิศทางตลาด ไม่สำคัญกับ systematic trade " จริงหรือ? เป็นที่ถกเถียงกันมาก เขียนในตำราหลายเล่ม  รวมไปถึงนักลงทุน ดังๆกลายคน ก็พูดจนติดปากไปแล้ว อย่างกับเรื่องธรรมดา "ตลาดขาลง...แนะนำอย่างนั้นอย่างนี้.....  ตลาดขาขึ้น....แนะนำอย่างนั้นอย่างนี้...." 

ใช้คำว่า "ตลาด" ทำไม?  ไม่ใช้คำว่า "หุ้น" หละ? (ไว้ค่อยมาคุยกันเดี๋ยวยาว) 

ประเด็นอยู่ที่ เราเชื่อว่าตลาดใหญ่สามารถกำหนดทิศทางของลูกๆมันได้ เป็นความจริงที่ว่า ตลาดขาลงนั้นหุ้นลง  ตลาดขาขึ้นนั้นหุ้นขึ้น   

{ Note เราเคยสงสัยนะ ว่า….  ==> แต่อะไรเกิดก่อน? ตลาดขึ้นแล้วหุ้นขึ้น หรือ หุ้นขึ้นแล้วตลาดขึ้น ==> เอาแบบตรงๆก็ หุ้นสิเกิดก่อน เพราะหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของตลาด ถ้าเช่นนั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไรมาแนะนำ ถ้าตลาดลงให้หยุดเล่น รอตลาดขึ้นก่อนแล้วค่อยซื้อ หุ้นมันขึ้นไปแล้วนี่ ==> ไม่ๆ ก็มันจะขึ้นต่อไง แล้วที่เหลือมันก็จะขึ้นตาม (ขาลงก็ว่าไว้แบบเดียวกัน) ==> "ขึ้นต่อ? ขึ้นตาม?" ทำไม? }

ต่อมาก็ต้องมี "ตัวชี้วัด"ภาวะตลาด ใช้อะไรก็ได้ ซึ่งทั่วไปก็ใช้ Index รวม เช่น SET index ง่ายดี ==> ก็แค่บอกได้ว่า ขึ้น หรือ ลง ก็พอ ใช้องค์ความรู้สาขาใดๆมาแปลผล อย่างอาจาร์ยบ๊วยก็จะใช้วิธีตาม CANSLIM ซึ่งมันอ่าน FT Day กับ Distribution Day เก่ง  แปลผลได้ก็นำมา ชี้นำระบบ 

แต่ปัญหาที่เราพบคือ จริงๆหุ้นที่เข้าข่าย buyable ของเรานั้น ส่วนมากไม่ใช่หุ้น blue ship เราไม่แน่ใจว่า SET index จะสามารถ present correlation เพื่อนำมาชี้นำเราได้ดีพอหรือไม่ เราจึงสร้าง Index ขึ้นมาใหม่เพื่อค้นหาสภาวะตลาดที่"คิดว่าเหมาะสม"กับ universe ที่เราเล่น  เราเรียกว่า "Leading System" 
ปล.จบแค่นี้ก่อนหัวข้อนี้ชักยาวเกิน = =  อย่าพึ่งคิดว่ามันวิเศษนะ เพราะมันยังไม่ผ่านการ"พิสูจน์" เมื่อ crisis สัก 2-3 ครั้ง ก็จะได้รู้กัน

เราจึงมี leading system ที่คอยกำหนด main system ที่เหลือ 
a) ไฟเขียว = Exposure 100%
b) ไฟเหลือง = selective buy signal แล้วรอ sell signal , Exposure 50%
c) ไฟแดง = ignore buy signal ,sell all position ครึ่งหนึ่ง แล้วรอ sell signal, exposure 30% (ideal)


3) Multiple system in parallel : port เราแบ่งเป็น
- Leading system :5-10% leading system => Fully auto อันนี้ขอไม่นำมารวมกันเป็นกำไรขาดทุนนะ มันมีหน้าที่ของมัน
- Semi-Auto : 30-60%(เราไม่แน่ใจเรื่องสัดส่วนที่แน่ชัดเพราะเราจะเปิดดูรายปี)  semi-auto trade คือ ให้คนที่เล่นหุ่นไม่เป็น ไร้ความรู้ทางหุ้นโดยสิ้นเชิงเป็นคนซื้อขาย ก็มี พี่น้องคนสนิท มากดซื้อกดขายให้เรา (เออจริงๆวิธีนี้สบายนะ 55) เพื่อ present effect ของ sequence (จริงๆเรื่อง sequence เป็นอีกเหตุผลใหญ่ที่ทำให้เราไม่ลง system 100%) 
- My play :40-50% ส่วนนี้ ก็เล่นเอง

เป้าหมายของ multi-system ไม่ใช่ทำเพื่อ max profit แต่ทำเพื่อลด Drawdown ผลกำไรย่อมลดลง(ลดลงจาก only one system พอสมควร) เป็นผลมาจากทุก system เป็น trend following ซึ่งมี correlate กันสูง
Review End of Year 2014
My play :  return  194.12%  MaxDD 16.77%


Semi-Auto : return 224.68%  MaxDD  29.64%

!!! ไม่มีคำบรรยายใดๆ = =   ลิงกดซื้อขายเก่งกว่า ….เพราะเรากลัว MaxDD มาก จากแผลเก่าเมื่อปี 2013 การเล่นโดย follow ตามระบบอย่างเดียว กำไรปลายปีดีกว่า มาพร้อมกับ MaxDD ระดับ 30% (ถ้าเขาเล่นหุ้นเป็น เขาจะรู้สึยังไง!?) แต่พอรวมกันก็พอใจกับ Drawdown น้อยลง สุขภาพจิตดี อายุไม่สั้น

Bad trade of the year : 
PPS  -22.96%

ไม้นี้ซื้อเพราะคันมือ ทรงกราฟมาดี ดัน break มาตัวเดียวตอนนั้นอีก ทั้งๆที่ช่วงนั้นควรหยุด trade ตามระบบนำร่องแล้ว  ซัดปุ๊บ ก็เละ
แก้ = ต้อง follow ตามแผนเดิม + RSI ทำ bearish diver. ค่อนข้างชัดตอนเข้าซื้อ

EE  -17.75%

ซื้อ High ขาย Low  
แก้ =  ทำใจ

Benchmark : Robot trade (trade ใน paper) 
Return  357.28%    MaxDD 24.24%



Shock!!  = = ' 
ก็ไปดู trade list robot มีหุ้น ABC  หุ้น TopGainOfTheYear กำไร 600% พร้อมอัด position อย่างหนักหน่วง robot ตัวนี้ก็ได้รับอิสรภาพทางการเงินไป

ลองตัด ABC (ไม่ได้ซื้อเพราะ ไม่ได้ update watchlist เอาเถอะถึงมีก็ไม่กล้าซื้ออยู่ดี) ออกดู performance ที่แท้จริง 



Return 164.60%    MaxDD   20.48%

ค่อยมาเทียบกันได้หน่อย ปลายปี ระบบนำร่องทำงานเป็นไฟแดงอยู่ 1-2 อาทิตย์ ยังไม่เห็นมีผลอะไรชัดเจน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น